SMEs ที่มีการจ้างผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปสามารถนำค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้ผู้สูงอายุมาเป็นรายจ่ายทางภาษีได้ 2 เท่าตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ เมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขใด
รายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้สูงอายุ คือ เงิน ทรัพย์สิน และประโยชน์ที่ผู้จ่ายออกแทนให้เนื่องจากการจ้างแรงงานซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) เงินที่จ่ายสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แต่ไม่รวมรายจ่ายที่ต้องจ่ายตามที่กฎหมายกำหนดขึ้นโดยเฉพาะ เช่น เงินที่จ่ายเข้ากองทุนประกันสังคม กองทุนส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นต้น
เงื่อนไขตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ
เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
จ้างงานผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์
ผู้สูงอายุเป็นลูกจ้างของบริษัทอยู่ก่อนแล้วหรือขึ้นทะเบียนกับกรมการจัดหางาน
เป็นรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างงานผู้สูงอายุเฉพาะรายที่ไม่เกิน 15,000 บาท
จำนวนผู้สูงอายุที่สามารถใช้สิทธิได้ เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 10% ของจำนวนลูกจ้างทั้งหมดที่ทำงานเต็มเดือนในประเทศไทยในแต่ละเดือน
ต้องไม่เป็นและไม่เคยเป็นกรรมการหรือผู้ถือหุ้นของบริษัทที่จ้างหรือบริษัทในเครือ
ถ้าผู้สูงอายุทำงานหลายแห่งให้บริษัทที่รับทำงานก่อนได้รับสิทธิ
ใช้สิทธิได้ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชี ที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป
กรณีขอใช้สิทธิต้องปฏิบัติเพิ่มเติม ดังนี้
จัดทำรายงานเกี่ยวกับการจ้างผู้สูงอายุที่จะนำมาใช้สิทธิ
แจ้งข้อมูลของผู้สูงอายุซึ่งจะนำมาใช้สิทธิผ่านทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร www.rd.go.th ภายใน 150 วันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี
Comments