เบี้ยปรับ เงินเพิ่มภาษีอากร และค่าปรับทางอาญาตามกฎหมายภาษีอากรทุกประเภท ถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม เนื่องจากเป็นการลงโทษผู้กระทำผิด ดังนั้นจึงไม่ให้หักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลอีก หากนำมาเป็นรายจ่ายได้จะเสมือนเป็นการช่วยเหลือผู้กระทำผิดในการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล
ทำความเข้าใจ "เบี้ยปรับ เงินเพิ่มภาษีอากร และค่าปรับทางอาญา"
เบี้ยปรับ เป็นมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้มีเงินได้หรือผู้ประกอบการที่เสียภาษีไม่ถูกต้องหรือละเลยไม่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์การเสียภาษีซึ่งส่วนใหญ่กฎหมายจะกำหนดให้รับผิดเป็นจำนวนหนึ่งเท่าหรือสองเท่าของเงินภาษีที่ต้องเสีย อย่างไรก็ตามเบี้ยปรับนั้น อาจงดหรือลดลงได้ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี
เงินเพิ่มภาษีอากร เป็นมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้มีเงินได้หรือผู้ประกอบการที่ไม่ชำระภาษีหรือนำส่งภาษีให้ครบถ้วนภายในกำหนดเวลาตามประมวลรัษฎากร
ค่าปรับทางอาญา เป็นการลงโทษทางอาญาแก่ผู้กระทำความผิดต่อกฎหมายภาษีอากร
เบี้ยปรับ เงินเพิ่มภาษีอากร และค่าปรับทางอาญาตามกฎหมายภาษีอากรทุกประเภท ที่ถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม ดังนี้
1. ภาษีอากรที่จัดเก็บโดยหน่วยงานที่สังกัดกระทรวงการคลัง
กรมสรรพากร ทำหน้าที่จัดเก็บภาษีตามประมวลรัษฎากร เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา, ภาษีเงินได้นิติบุคคล, ภาษีมูลค่าเพิ่ม, ภาษีอากรแสตมป์, ภาษีธุรกิจเฉพาะ รวมถึงภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และภาษีมรดก
กรมศุลกากร ทำหน้าที่จัดเก็บภาษีศุลกากรทั้งอากรขาเข้า อากรขาออก และค่าธรรมเนียมต่างๆ
กรมสรรพสามิต ทำหน้าที่จัดเก็บภาษีสรรพสามิต
2. ภาษีอากรที่จัดเก็บโดยหน่วยงานระดับท้องถิ่น เช่น
ภาษีป้าย
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
อ้างอิง: คําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรที่ 40/2560 https://www.rd.go.th/publish/fileadmin/user_upload/kormor/newlaw/di40.pdf